รายจ่ายในการดำเนินกิจการ

รายจ่ายในการดำเนินกิจการ


รายจ่ายก่อนการดำเนินงาน

1. กิจการมีสิทธินำรายจ่ายก่อนการดำเนินงานที่เป็น เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าเช่า ค่าธรรมเนียมในการให้คำแนะนำและปรึกษา ค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งบริษัท ค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าซ่อมแซม ค่ารับรอง ค่าสอบบัญชี ค่าภาษี ค่าประกันภัย และค่าเครื่องใช้สำนักงาน ไปถือเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ บริษัทฯ มีสิทธินำไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มดำเนินการได้ทั้งจำนวน
2. สำหรับรายจ่ายก่อนเริ่มดำเนินกิจการ ที่เป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน ต้องห้ามนำไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มดำเนินการทั้งจำนวน ตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ให้หักเป็นค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาได้ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ.2527

ดังนั้นทางสรรพากร ได้มีการออก เลขที่หนังสือ กค 0811/32502 วันที่ 30 สิงหาคม 2543 เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ข้อกฏหมาย มาตรา 65 ตรี

ข้อหารือ:

1. บริษัท ก. จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2539 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ประกอบกิจการให้บริการเกี่ยวกับท่าเรือ ขนถ่ายสินค้าสำหรับเรือเดินทะเล ได้รับส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตามบัตรส่งเสริม ลงวันที่ 3 กันยายน 2540
2. บริษัทฯ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2539 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2539 ซึ่งเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรกของบริษัทฯ แสดงผลขาดทุนสุทธิจำนวน 10,516,366.33 บาท โดยมีรายได้
และรายจ่ายดังนี้

2.1 รายได้ดอกเบี้ยรับจำนวน 7,023,152.28 บาท
2.2 รายจ่ายจำนวน 17,539,518.61 บาท ประกอบด้วย

(1) เงินเดือน ค่าจ้าง 5,887,518.36 บาท
(2) ค่าเช่า 1,495,961.84 บาท
(3) ค่าธรรมเนียมในการให้คำแนะนำและปรึกษา 1,228,077.35 บาท
(4) ค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งบริษัท 4,124,258.47 บาท
(5) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 4,803,702.59 บาท
17,539,518.61 บาท

         ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้แก่ ค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าซ่อมแซม ค่ารับรอง ค่าสอบบัญชี ค่าภาษีค่าเสื่อมราคาทรัพย์สิน ค่าประกันภัย และค่าเครื่องใช้สำนักงาน

3. บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สำนักงานสรรพากรว่า บริษัทฯ มีสิทธินำค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งบริษัทตาม 2.2(4) จำนวน 4,124,258.47 บาท ไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2539 ได้เพียงรายการเดียว สำหรับรายจ่ายรายการอื่น ๆ อีกจำนวน13,415,260.14 บาท บริษัทฯ ไม่มีสิทธินำไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2539 ทั้งจำนวน ต้องบันทึกเป็นรายจ่ายรอการตัดบัญชี
4. บริษัทฯ หารือว่า การบันทึกรายการค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้ ถูกต้องหรือไม่ฃ
4.1 เนื่องจากรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2539 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2539 เป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรกของบริษัทฯ ยังไม่ได้เริ่มประกอบกิจการใด ๆ จึงได้บันทึกรายจ่ายก่อนการดำเนินงานจำนวน 97,485,000.00 บาท ไว้ใน “บัญชีรายจ่ายก่อนการดำเนินงานรอตัดบัญชี (Deferred pre-operating)” ซึ่งจะถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเมื่อเริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการแล้วรายจ่ายก่อนการดำเนินงานรอตัดบัญชี จำนวน 97,485,000.00 บาท ประกอบด้วย ค่าที่ปรึกษาและให้คำแนะนำในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การดำเนินการขอสัมปทานจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้คำแนะนำเรื่องโครงสร้างของเงินทุน ให้คำแนะนำเรื่องการก่อสร้าง สรรหาผู้ชำนาญการที่จำเป็นสำหรับโครงการรวมทั้งให้คำแนะนำช่วยเหลือในการเจรจา
ต่อรองทำสัญญา
4.2 รายจ่ายทั้งหมดตามข้อ 2.2 ไม่ใช่รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน ตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากร จึงนำไปบันทึกบัญชีเป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2539 (Revenue Expenditure)

แนววินิจฉัย:
กรณีตามข้อเท็จจริง บริษัทฯ มีสิทธินำรายจ่ายก่อนการดำเนินงานไปถือเป็นรายจ่ายใน
การคำนวณกำไรสุทธิ ดังนี้

1. รายจ่ายประเภทเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าเช่า ค่าธรรมเนียมในการให้คำแนะนำและปรึกษา ค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งบริษัท ค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าซ่อมแซม ค่ารับรอง ค่าสอบบัญชี ค่าภาษีค่าประกันภัย และค่าเครื่องใช้สำนักงาน จำนวน 17,539,518.61 บาท ถือเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ บริษัทฯ มีสิทธินำไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มดำเนินการได้ทั้งจำนวน ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร
2. รายจ่ายประเภทค่าที่ปรึกษาและให้คำแนะนำในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการการดำเนินการขอสัมปทานจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้คำแนะนำเรื่องโครงสร้างของเงินทุน ให้คำแนะนำเรื่องการก่อสร้างการสรรหาผู้ชำนาญการที่จำเป็นสำหรับโครงการ รวมทั้งให้คำแนะนำช่วยเหลือในการเจรจาต่อรองทำสัญญาจำนวน 97,485,000.00 บาท หากเป็นรายจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในสัมปทานจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ถือเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน ต้องห้ามนำไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มดำเนินการทั้งจำนวน ตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ให้หักเป็นค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาได้ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ.2527

เลขตู้: 63/29729

ขอบคุณบทความจาก :: กรมสรรพากร
ประกาศบทความโดย :: www.prosofterp.com
 136
ผู้เข้าชม
Get started for free today. ทดลองใช้งาน

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์